[ชีวิตในญี่ปุ่น] ว่าด้วยเรื่องค่าครองชีพในโตเกียว ฉบับมนุษย์วัยทำงาน
ตอนนี้ผมมาอาศัยในโตเกียวเกือบจะ 2 ปีแล้ว ก่อนที่จะมาผมหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องค่าครองชีพไว้เยอะมาก เพราะจะได้วางแผนการเงินก่อนล่วงหน้า จะได้รู้ว่าจะมีเงินเก็บเหลือเท่าไร และจะอยู่ได้มั้ยกับเงินเดือนที่ได้มา เลยตั้งใจอยากจะแชร์ประสบการณ์เผื่อสำหรับคนที่สนใจหรือกำลังหาข้อมูลด้านนี้อยู่
ค่าครองชีพในโตเกียวมันแพง อย่าไปทำงานเลย ไม่คุ้ม ไม่มีเงินเก็บหรอก
—ชาวเน็ตคนนึงกล่าว
เดี๋ยวเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไง
วันนี้ผมจะมาชำแหละให้ฟังนะครับว่าสรุปแล้วค่าใช้จ่ายต่างๆในแต่ละเดือนของผมมีอะไรบ้าง จะได้มาพิสูจน์กันว่าเป็นจริงอย่างที่ชาวเน็ตคนนั้นพูดไว้หรือไม่
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น (ยังไงก็ต้องจ่าย)
ค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแก๊ส ค่าจิปาถะ
ค่าเช่าห้อง
ค่าเช่าห้องเท่าที่ผมสำรวจราคาเฉลี่ยมา ราคาห้องปกติทั่วๆไปจะอยู่ในช่วง ประมาณ 50,000 เยน ถึง 140,000 เยน หรือมากกว่านี้ได้อีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของห้อง ขนาดของห้อง ทำเลที่ตั้ง อายุห้อง เคยมีคนเสียชีวิตในห้องมั้ย 😬 และอื่นๆ
ทำเล
ระดับความแพงไล่จากมากไปน้อย สีฟ้า > สีเขียว > สีเทา หมายความว่าถ้าเช่าบ้านด้วยราคาเท่ากันห้องประเภทเดียวกัน ถ้าเราอยู่ในเขตสีเทาเราอาจจะได้ห้องที่ใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับเขตสีฟ้า
อ่อ! นอกจากเรื่องเขตที่ตั้งแล้ว เรื่องความไกลจากสถานีรถไฟเท่าต้องเดินกี่นาที เรื่องนี้ก็มีผลกับราคาเช่นกัน
ประเภทของห้อง
1R(1 Room) คือห้องที่มีลักษณะเป็นห้องเดียว ส่วนมากห้องครัวจะอยู่ห้องเดียวกันห้องนอน
1K(1 Room + Kitchen ) คือห้องที่มีลักษณะแยกห้องครัวออกไปอีกห้องจากห้องนอน
1DK(1 Room +Dining & Kitchen) คือมีห้องครัวที่ใหญ่สามารถตั้งโต๊ะกินข้าวได้
1LDK(1 Room + Living room & Dining & Kitchen) คือ DK ที่สามารถเป็นห้องนั่งเล่นได้
*เลข 1 ด้านหน้าหมายถึงจำนวนห้องนอน เพราะฉะนั้นถ้าไปเจอ 2K แปลว่า มี 2 ห้อง + 1ห้องครัว
ระดับความแพงไล่จากมากไปน้อย 1LDK >1DK > 1K > 1R
อายุห้อง
ส่วนใหญ่ยิ่งอายุมากยิ่งถูก ฟังก์ชั่นในบ้านอาจจะไม่ค่อยล้ำ(เช่น ไม่มีชักโครกแบบอุ่นตูด ไม่มีระบบเติมน้ำในอ่างแบบอัตโนมัติ บางบ้านไม่มีแอร์(โคตรพีค)) แต่บ้านเก่าๆบางบ้านก็ดีนะ บางที่เจ้าของบ้านอาจจะ renovate ใหม่
เจนสำผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างในบ้าน…
ทำเลดี ห้องใหญ่ แต่ราคาถูกจัง สันนิฐานไว้เลยครับว่า น่าจะมีคนเคยตายในห้อง บ้านพวกนี้เรียกว่า 事故物件(jiko bukken) ซึ่งผมเข้าใจว่า ปกติทาง Agency จะมีการแจ้งเอาไว้ในรายละเอียดบ้านก่อนจองอยู่แล้ว เพราะกฏหมายบังคับ หรือจะไปลองเช็คในเว็ปไซต์นี้ก็ได้ครับ https://www.oshimaland.co.jp/
ผมเช็คแล้วของผมรอด 😎!
ปล. เท่าที่ไปอ่านเรื่อง 事故物件 ไม่ใช่แค่บ้านที่มีคนตายอย่างเดียว แต่จะรวมถึงบ้านที่เข้าข่ายเสี่ยงอันตรายด้วย เช่น บ้านอยู่ใกล้ๆกับแกงค์อาชญากรรม ซึ่งพิจารณาแล้วแต่เคสไป
ปล2. 事故物件 ถ้าพูดรวมๆก็คือ บ้านที่อยู่แล้วไม่สบายใจเนื่องจาก ผลกระทบทางอารมณ์ หรือจิตใจ
https://funabashi.vbest.jp/columns/general_corporate/g_general/3662/
อื่นๆ
เช่น ตึกเป็นแบบ マンション(Mansion) หรือ アパート(Apaato) กำแพงเป็นแบบพนังบางหรือทึบ ส่วนกลางอลังกาลแค่ไหน(มีค่า management fee) ประมาณนี้นะครับเท่าที่ผมนึกออก
สรุปค่าใช่จ่ายค่าเช้าบ้านของผม
ของผมเช่าห้องอยู่ในเขตสีฟ้า 1K ห้องประมาณ 21 ตรม เดินถึงสถานีภายใน 2 นาที ผมโดนค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่ 80,000 เยน
(ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไปอยู่โซนสีเทา เพราะอยากอยู่ห้องใหญ่กว่านี้ -_-)
ค่าอาหาร
เรื่องนี้คงแล้วแต่คน บางคนกินข้าวนอกบ้านทุกมื้อ บางคนชอบทำอาหารกินเอง ไม่กินข้าวเช้า ไม่กินข้าวเย็น เงื่อนไขมันเยอะถ้าเอามาสรุปแล้วใช้กับทุกคนคงไม่ได้ แต่ผมจะพยายามอธิบายรายละเอียดแต่ละส่วนนะครับว่าเป็นอย่างไร
ซื้อกิน(หมายถึงกินข้าวข้างนอก)
- ร้านสะดวกซื้อ(コンビニ)
อาหารประเภทข้าวปั้น ขนมปัง ซูชิบางอย่าง น้ำดื่ม น้ำผลไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป(เฉลี่ยประมาณ 100 เยน ถึง 300 เยน) ข้าวกล่องแบบเวฟ (เฉลี่ยประมาณ 400 เยนขึ้นไป)
- ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
ส่วนใหญ่มื้อเช้าและมื้อกลางวันจะถูกกว่าปกติ ถูกสุดของมื้อเช้าที่เคยเห็นคือ ข้าวกับไข่ดิบของร้าน Matsuya ราคา 280 เยน แต่โดยเฉลี่ยจากหลายๆร้าน(ร้านราเมง ข้าวหน้าเนื้อ แมคโดนัล และอื่นๆ) เฉลี่ยขั้นต่ำประมาณ 450 เยน ขึ้นไป
- ร้านอาหารทั่วไป
ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 1,000 เยน แต่มื้อกลางวันจะถูกลงมาหน่อยเริ่มประมาณ 750 เยน บุฟเฟ่เอาแบบกินแล้วแฮปปี้คุณภาพโอเคระดับนึงประมาณ 2,800 เยนขึ้นไป ร้าน Izakaya 4,000 เยน
ทำกับข้าวกินเองได้
ส่วนมากผมจะไปซื้อของสดในซุปเปอร์ ของในเมืองจะแพงกว่านอกเมือง ปกติผมจะไปซุปเปอร์ประจำแถวบ้านชื่อ OK Superstore เนื่องจากราคาถูกแต่ได้ของที่มีคุณภาพพอๆกัน รายการราคาคร่าวๆ(ปี 2021) เนื้อหมูเฉลี่ย 145 เยน/100g เนื้อวัวเฉลี่ย 258 เยน/100g อกไก่ 99 เยน/100g ผักโขมถุงนึง ไม่แน่ใจกี่กรัม กินได้สองมื้อ 195 เยน คร่าวๆประมาณนี้ครับ บางวันมีโปรพิเศษต้องคอยติดตามดู แล้วก็พวกอาหารที่ใกล้วันหมดอายุเช่น พรุ่งนี้หมดอายุหรืออาหารที่ทำวันต่อวัน จะลดราคาตั้งแต่ 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เท่าที่สังเกตจะเริ่มมาแปะป้ายลดราคากันช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมเคยไปยืนช่วงชิงกับลุงๆป้าๆและซารารี่มังอยู่
ปกติผมจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ประมาณหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 5,000 ถึง 7,000 เยน
สรุปค่าใช้จ่ายเรื่องกินของผมต่อเดือน
ผมไม่กินข้าวเช้า ข้าวกลางวันส่วนใหญ่ทำกับข้าวจากบ้านไปกินที่ทำงาน มีออกไปกินข้างนอกบ้าง ข้าวเย็นส่วนใหญ่กลับมาทำกินเอง แต่ถ้าขี้เกียจอาจจะแวะซัดราเมงก่อนเข้าบ้านหรือไม่ก็ออกไปกินกับเพื่อน ชอบเดินเข้าคอมบินิไปซื้อขนมหวานและเบียร์ และชอบสั่งไวน์กาชาจาก Amazon
เฉลี่ยแล้วผมใช้จ่ายกับเรื่องกินต่อเดือนอยู่ประมาณไม่เกิน 40,000 เยน
ปล. เคยทำ challenge ใช้ต่อเดือนภายในงบ 20,000 ก็สามารถทำได้นะ แต่มันเครียดไปหน่อย
ค่าเดินทาง
ปกติการเดินทางผมจะใช้รถไฟเป็นส่วนใหญ่ ค่าเดินทางไปทำงานผมไม่ต้องเสีย เนื่องจากบริษัทออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ ผมเลยเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปการเที่ยวเล่นซะมากกว่า ซึ่งจริงๆมันไม่ค่อยแพงนะ สมมุติอยากไปเที่ยวทะเลประมาณ 70 กม จากบ้าน เสียค่ารถไฟต่อเที่ยวแค่ 920 เยน ไปกลับ 1,840 เยนเอง
เฉลี่ยต่อเดือนกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 4,000 เยน
ปล. โปรดทำใจก่อนขึ้น Taxi เพราะ Taxi มันแพงมากกกก
สมมุตินั่งจาก shinjuku ไป harajuku ระยะทางประมาณ 2.3 km ค่า Taxi ตกอยู่ประมาณ 1,000 เยน
ค่าอินเตอร์เน็ตบ้าน
มีหลากหลายราคาของผมใช้ NTT docomo เสียอยู่ 5,500 เยนต่อเดือน บางที่มีโปรพ่วงกับอินเตอร์เน็ตมือถือ อาจจะได้ถูกกว่านี้อีก แต่พอดีของผมบริษัทมีซิมมือถือให้ เลยไม่ทราบข้อมูลส่วนนั้น
ค่าไฟ
ผมใช้บริการของ TEPCO ซึ่งคิดราคาตามนี้
120 หน่วยแรก หน่วยละ 19.88 เยน
121 ถึง 300 หน่วยละ 26.46 เยน
มากกว่า 300 หน่วยละ 30.57 เยน
ช่วงค่าไฟที่พีคขึ้นมาจะเป็นช่วงหน้าร้อน ต้องเปิดแอร์ตลอด ร้อนแบบไม่ไหวจริงๆ ส่วนหน้าหนาวผมจะใช้ฮีตเตอร์แค่บางวัน บางคนอาจจะสงสัยว่าอยู่ได้ไงไม่หนาวหรอ เคล็ดลับของผมคือ ผมจะมีผ้าห่มไฟฟ้ารองไว้ที่ใต้ผ้าปูที่นอน ซึ่งมันประหยัดไฟมากๆและทำให้อุ่นจนนอนหลับได้สบายเลย(แต่วันไหนหนาวมากๆก็ต้องเปิดนะ) ต้องขอบคุณพี่คนไทยคนนึงที่แนะนำวิธีนี้มา 🙏
สรุปค่าไฟผมเสียอยู่เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 2,500 เยน (ส่วนค่าไฟเฉลี่ยที่ฟังจากหลายๆคนจะประมาณ 7,000 เยน แต่พอดีของผมไม่ค่อยได้ใช้ไฟอะไรมาก)
ค่าน้ำ
เปิดน้ำเสียเงิน ทิ้งน้ำลงท่อก็เสียเงิน ค่าน้ำเก็บทุกๆ 2 เดือน ผมอาบน้ำเช้า(ยกเว้นหน้าหนาว)และเย็น ซักผ้าทุกๆสามวัน อาบน้ำมีแช่น้ำร้อนบ้างบางวัน
ผมเสียค่าน้ำต่อเดือนประมาณ 2,000 เยน
ค่าแก๊ส
ค่าแก๊สน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่คนไทยไม่คุ้นชินเท่าไร(รวมถึงผมตอนแรกๆด้วย) ปกติที่ไทยเวลาเราอยากใช้แก๊ส เราจะสั่งมาเป็นถังให้มาส่งที่บ้าน แต่ของประเทศญี่ปุ่นเค้าจะมีท่อแก๊สตรงมาที่บ้านเลย ซึ่งเอาไปใช้ในการทำน้ำอุ่นในบ้าน(น้ำที่ใช้อาบ น้ำที่ใช้ล้างจาน น้ำที่ใช้ล้างมือ)และแก๊สที่ใช้ทำกับข้าว ซึ่งปกติค่าแก๊สจะแพงขึ้นกว่าปกติในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากต้องใช้แก๊สที่มากขึ้นในการทำน้ำให้อุ่น
ผมเสียค่าแก๊สต่อเดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,800 เยน
ค่าจิปาถะ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น สบู่ ยาสระผม น้ำยาซักผ้า และอื่นๆ ประมาณเดือนละ 3,000 เยน
สรุปรวมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของผมต่อเดือน
- ค่าเช่าห้อง 80,000 เยน
- ค่าอาหาร 40,000 เยน
- ค่าเดินทาง 4,000 เยน
- ค่าอินเตอร์เน็ต 5,500 เยน
- ค่าไฟ 2,500 เยน
- ค่าน้ำ 2,000 เยน
- ค่าแก๊ส 1,800 เยน
- ค่าจิปาถะ 3,000 เยน
รวมแล้วประมาณ 138,800 เยน
ยังไงลองไปบวกลบคำนวณดูกันนะครับว่า life style ของตัวเองน่าจะประมาณเท่าไร
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ไม่ต้องจ่ายก็ได้)
ค่าท่องเที่ยว ค่าช็อปปิ้ง ค่ากินดื่ม ค่าเปย์สาวในคาเฟ่ 😘
ค่าท่องเที่ยว
ไหนๆก็มาอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นละ จะให้อยู่ห้องเฉยๆก็เสียดาย ซึ่งส่วนใหญ่ผมชอบไปปั่นจักรยานทางไกล บางอาทิตย์ก็ไปนั่งโง่ๆที่สวน ชม museum หรือไม่ก็ไปนั่งทิ้งตัวแถวริมทะเล และไปปาร์ตี้กับเพื่อนบ้าง งบต่อเดือนในส่วนนี้ผมตั้งไว้ที่ไม่เกิน 20,000 เยนต่อเดือน แต่ในช่วงตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม ผมจะแบ่งงบเพิ่มไว้ 150,000 เยน เอาไว้เป็นงบไปเล่น snowboard (ไว้เดี๋ยวจะมารีวิวเรื่อง snowboard อีกทีนะครับ)
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของผมเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20,000 เยนต่อเดือน
ค่าช็อปปิ้ง
แล้วแต่เดือนแต่ไม่เกิน 10,000 เยน บางเดือนก็อาจจะไม่ซื้ออะไรเลย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้น่ากลัวเพราะมันไม่มี limit โชคดีที่ผมไม่ค่อยมีอะไรที่อยากได้ เลยรอดตัวไป
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของผมเฉลี่ยไม่เกิน 10,000 เยนต่อเดือน
ค่ากินดื่ม
ความจริงอยากไปแต่ไม่ได้ไป เพราะมาถึงญี่ปุ่นก็อยู่ในช่วงโควิทแล้ว แต่เท่าที่สืบมาคือไปครั้งนึงต่ำๆก็น่าจะโดนประมาณ 3,000 ถึง 4,000 เยน
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของผม 0 เยน
ค่าเปย์สาวในคาเฟ่
ของผมไม่มีค่าใช้จ่ายนี้นะแล้วก็ไม่มีข้อมูลด้วย เอามาเป็น clickbait เฉยๆ
รออ่านอันนี้อยู่ล่ะสิ อิ_อิ
สรุปค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ของผมต่อเดือน
- ค่าท่องเที่ยว 20,000 เยน
- ค่าช็อปปิ้ง 10,000 เยน
- ค่ากินดื่ม 0 เยน
- ค่าเปย์สาวในคาเฟ่ 😘 0 เยน
รวมแล้วไม่เกิน 30,000 เยน
สรุปรายจ่ายโดยรวม
สรุปแล้วรายจ่ายต่อเดือนของผมที่ต้องจ่ายเป็นดังนี้
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 138,800 เยน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ(ไม่จำเป็นต้องจ่ายก็ได้) 30,000 เยน
รวม 168,800 เยน หรือประมาณ 49,828.60 บาท (คำนวณวันที่ 2021/07/10)
ไหนๆพูดเรื่องรายจ่าย พูดเรื่องรายรับไปด้วยละกัน
เรื่องรายรับเป็นเรื่องที่พูดค่อนข้างยาก เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยเช่น อาชีพ อายุงาน และอื่นๆ ทำให้รายได้สามารถเริ่มตั้งแต่ 180,000 เยน ไปจนถึง 1 ล้านเยน หรือมากกว่าก็ได้ แต่ประเด็นที่ผมอยากพูดคือ
“อย่าลืมคิดเรื่องภาษีด้วยยยย”
เวลาได้ offer งานมาอย่าลืมคิดเรื่องภาษีด้วยนะครับ ภาษีที่ญี่ปุ่นต้องยอมรับเลยว่าค่อนข้างแพง หลังจากที่ได้เงินเดือน สิ่งที่จะโดนหักออกไปทันทีมีดังนี้ครับ
Health insurance, Welfare Pension Insurance, Employment insurance, Income tax, and Resident tax(ปีแรกไม่ต้องจ่าย)
ส่วนวิธีการคำนวณตรงนี้ผมยังไม่แม่นพอที่จะมาอธิบายได้อย่างถูกต้อง แต่สามารถลองไปคำนวณคร่าวๆได้จากเว็ป https://japantaxcalculator.com/ ให้กรอกเป็น Annual income แล้วลองหาร 12 จะได้เป็นรายได้สุทธิต่อเดือนครับ
ตัวอย่าง สมมติได้เงินเดือน 300,000 เยน พึ่งมาปีแรกและเป็นลูกจ้างของบริษัท จะต้องโดนหักทั้งหมดจากเงินเดือนประมาณ 50,000 กว่าเยนหรือคิดเป็นประมาณ 16% ของรายรับครับ พอขึ้นปีที่สองจะต้องเสีย Resident tax ซึ่งคำนวณคร่าวๆประมาณ 60,000 กว่าเยน คิดเป็นประมาณ 20% ของรายรับ (ถึงจะจ่ายแพงแต่แลกกับชีวิตความเป็นอยู่และสวัสดิการที่ได้รับจากรัฐบาล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยเสียดาย)
ส่งท้าย
ทุกคนคิดว่าสิ่งที่ชาวเน็ตคนนั้นบอกเป็นจริงมั้ยครับ คำตอบคือ อาจจะเป็นไปได้
เรื่องรายได้ที่มองว่าสามารถอยู่รอดได้หรือไม่รอด เป็นเรื่องที่พูดยาก มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน ว่าการใช้เงินว่าสอดคล้องกับรายได้หรือเปล่า
แต่สำหรับผมหลังจากที่อยู่มาสักพัก ผมสามารถพูดได้ว่า มันไม่ได้เป็นจริงแบบนั้น
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจมาทำงานที่ต่างประเทศ ผมมองว่าสิ่งสำคัญที่ได้ที่สุดคือประสบการณ์ เรื่องเงินก็สำคัญแต่ผมคิดว่าประสบการณ์บางอย่างมันก็ยากที่จะเอาเงินมาซื้อเช่นกัน
ก่อนจะได้ offer เรื่องเงินเดือนผมคิดอยู่ในใจว่า “จะได้เงินมากหรือเงินน้อย ถ้าได้ไปลองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นผมก็จะไป” ผมคิดว่า ถ้าผมไม่ได้ไปผมคงสงสัยตลอดชีวิต ว่าการได้ไปอาศัยอยู่ในต่างแดนโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมันจะเป็นยังไงนะ
ผมอาจจะโชคดีที่ผมยังไม่ได้มีภาระอะไรมากมายนัก เลยสามารถตัดสินใจแบบนี้ได้ เรื่องนี้คงแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ไม่มีผิดไม่มีถูกครับ
ไว้จะมาแชร์ประสบการณ์เรื่อยๆ
อ่อ…ผมทำ Youtube เอาไว้แชร์เรื่องราวต่างๆ ฝากด้วยนะครับ 🙇🏻♂️ https://www.youtube.com/c/PURIJIT
หากบทความนี้มีอะไรที่ผมเขียนขาดตกหรือเขียนผิดพลาดไป จะยินดีอย่างมากถ้าช่วย comment บอก ขอบคุณครับ